Dasa in the media

านหนังสือต่างประเทศมือสอง ธุรกิจบนกองหนังสือเก่า

โดย ผู้จัดการรายวัน 15 กรกฎาคม 2547 09:13 น.
       ว่ากันว่าธุรกิจร้านหนังสือนั้นเป็นความฝันของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ แต่ความฝันนี้เริ่มต้นด้วยราคาเรือนแสน และยังต้องมีสายป่านที่ยาวพอควร กิจการร้านหนังสือจึงจะพอไปรอดได้ หลายคนจึงอาจเจ็บตัวมานักต่อนักจากความฝันนี้มาแล้ว
       
       อย่างไรก็ตามธุรกิจร้านหนังสือประเภทหนึ่งกลับเติบโตมาขึ้นเรื่อยๆ และสร้างผลกำไรพอหล่อเลี้ยงกายใจของเจ้าของได้ นั่นก็คือธุรกิจ “ร้านหนังสือต่างประเทศมือสอง”
       
       ‘จตุจักร’ คลังหนังสือมือสองของคนไทย
       
       “จริงๆ ผมทำหนังสือมาตลอดชีวิต ผมทำธุรกิจหนังสือมือสองมานานตั้งแต่สมัยอยู่ที่สนามหลวง นับเวลารวมที่สวนจตุจักรนี่ด้วยก็ประมาณ 20 ปี เริ่มจากเคยรับจ้างเป็นพนักงานของบริษัทขายหนังสือใหญ่ๆ แห่งหนึ่งมาก่อนเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ทั้งชีวิตจึงคลุกคลีกับหนังสือมาโดยตลอด...” ดิลก ซึ้งสุนทร เจ้าของร้านหนังสือมือสองขนาด 9 คูหา ในโครงการ 1 ตลาดสวนจตุจักร กล่าว

ดิลก ซึ้งสุนทร เจ้าของร้านขายหนังสือเก่าตลาดนัดจตุจักร
       “สาเหตุที่ออกมาทำธุรกิจหนังสือเป็นของตัวเองเพราะ ผมรักหนังสือ หนังสือคือชีวิต มันเป็นความสุขที่สุด เงินลงทุนเริ่มแรกก็หลายหมื่น (เมื่อสมัยกว่า 20 ปีที่แล้ว) ร้านหนังสือแบบผมถ้าลงทุนมากอยู่ไม่ได้หรอกเพราะคนไทยยังอ่านหนังสือน้อย จริงๆ แล้วการค้าหนังสือ 3 ปีแรกจะไม่มีกำไร เป็นหลักการการค้าหนังสือเก่า กำไรเป็นสินค้าค้างสต็อก หมายความว่าในช่วง 3 ปีแรก เราขายได้เพียงแค่พอเอาทุนคืน หนังสือที่เหลือค้างสต็อกก็จะเป็นกำไร” นี่คือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของธุรกิจหนังสือมือสอง ซึ่งดิลกบอกว่าแตกต่างจากธุรกิจร้านอาหารที่ได้กำไรวันต่อวัน
       
       “หนังสือต่างประเทศมือสอง ส่วนหนึ่งพรรคพวกที่ต่างประเทศส่งมาให้ ส่วนหนึ่งก็ในประเทศ ซื้อจากตามบ้านฝรั่ง พวก “โฮม รีดเดอร์” ฝรั่งที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยที่พอเขาอ่านหนังสือเสร็จแล้วเขาก็จะเอามาขายต่อ บางครั้งเขาเอามาขายทีละ 10 กล่องก็มี จริงๆ แล้วจะมีบริษัทนำเข้าหนังสือภาษาต่างประเทศมือสองโดยเฉพาะ เขาก็จะแบ่งมาให้ร้านขายหนังสือมือสอง เป็นเหมือนสายส่งหนังสือในเมืองไทย ประเทศที่ไทยนำเข้าหนังสือมือสองมามากที่สุดก็คือ สหรัฐอเมริกา , แคนาดา และอังกฤษ”
       
       “หนังสือที่ผมขายจริงๆ ผมเน้นหนักไปในทางตำราวิชาการระดับมหาวิทยาลัย และก็สารคดีทั่วไป นิยาย ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ผมมีหนังสือครบทุกแขนง ผมมีหนังสือ 8 ภาษา อังกฤษ, ฝรั่งเศส , เยอรมัน ,อิตาเลียน , สเปน , ญี่ปุ่น , เกาหลี และภาษาไทย ราคาขายก็จากราคาจริงครึ่งราคา บางเล่มก็ลดไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ บางอย่างก็ลดไป 80 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังสือและความต้องการของลูกค้าในขณะนั้น”
       
       ร้านหนังสือมือสองของดิลกที่สวนจตุจักรแห่งนี้ มีลูกค้าวันละนับพันคน ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนในวันธรรมดาก็มีจำนวนหลักร้อยขึ้นไป เป็นลูกค้าประจำก็มาก ขาจรก็มาก มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งแบ่งเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยส่วนหนึ่ง และนักท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่ง
       
       เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่คนญี่ปุ่นเข้ามากว้านซื้อหนังสือภาษาไทยจำนวนมากกลับไปประเทศญี่ปุ่น ดิลกบอกเล่าให้ฟังในฐานะผู้ที่ร่วมรับรู้เหตุการณ์ในช่วงนั้นว่า

บรรยากาศการเลือกซื้อหาหนังสือเก่าที่สวนจตุจักร
       “คนญี่ปุ่นเป็นคนฉลาด รู้เขารู้เรา คนญี่ปุ่นจะค้าขายกับประเทศไหนเขาต้องรู้จักประเทศนั้นมากขึ้น แล้วเขาก็ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณคดีของประเทศนั้น ไม่เหมือนคนไทยที่รู้เฉพาะตัวเอง แต่ไม่ค่อยรู้คนอื่น คนญี่ปุ่นพวกนี้พูดภาษาไทยเหมือนกับคนไทยเลย เขาจvะมาซื้อหนังสือโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย สมัยพระนารายณ์ เขาเรียกว่า “แร บุ๊คส์” (rare books) เป็นหนังสือเก่า หนังสือหายาก แต่ร้านผมไม่มี มีเฉพาะแร บุ๊คส์ที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่ญี่ปุ่นเขาจะซื้อเฉพาะภาษาไทย เอาไปไว้ที่ห้องสมุดโตเกียว”
       
       ร้านหนังสือในต่างจังหวัดก็มารับหนังสือจากร้านแห่งนี้ไปขายต่อ ทั้งที่เชียงใหม่ เชียงราย เกาะสมุย พังงา กระบี่ ภูเก็ต แม้กระทั่งเวียดนาม หรือกัมพูชา เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ ดิลกบอกว่าส่วนมากเจ้าของร้านก็มักจะเป็นชาวต่างชาติที่มีภรรยาเป็นคนไทย ส่วนคนไทยยังทำธุรกิจนี้น้อยเนื่องจากมักมีอุปสรรคด้านภาษา
       
       “คนที่สนใจจะทำธุรกิจค้าหนังสือมือสองจะต้องมีใจรัก และต้องใช้เวลาในการศึกษาธุรกิจนี้พอสมควร อย่างผมเองใช้เวลาศึกษาธุรกิจหนังสือนี้นานถึง 13 ปี กว่าจะกล้าออกมาทำธุรกิจของตัวเอง โดยศึกษาจากต่าง ประเทศ ทั้งคนยุโรปและอเมริกา ผมศึกษาเขาทั้งนั้น เพราะวงหนังสือต่างประเทศมันกว้างและหลากหลายกว่า
       
       ตอนนี้ในสต็อกของผมก็มีหนังสือกว่า 300,000 เล่ม และหนังสือส่วนใหญ่จะมีเพียงอย่างละเล่มเท่านั้น ไม่ซ้ำ สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก็คืออุปสงค์-อุปทาน ว่าลูกค้าต้องการหนังสืออะไร ทุกวันนี้ที่ร้านผมก็ซื้อหนังสือจากลูกค้าเข้าร้านเพิ่มทุกวัน ตกวันละ 1,000 เล่ม ส่วนจากต่างประเทศก็ซื้อปีหนึ่งประมาณ 2 ครั้ง”
       
       ถนนข้าวสาร’ บ้านใหม่ของหนังสือต่างด้าว
       
       วรรณกรรมสมัยใหม่ (Modern Fiction) ที่บางเล่มยังไม่ถูกสั่งเข้ามาขายในเมืองไทย หรือแม้แต่หนังสือภาษาแปลกๆ อย่างภาษาฮิบรู เอสปานอล ฯลฯ กลับมีวางจำหน่ายอยู่บนชั้นในร้านหนังสือมือสองย่านถนนข้าวสาร ศูนย์รวมนักเดินทางแห่งนี้ ร้านหนังสือมือสองจำนวนมากจึงผุดขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มักจะมีหนังสือเป็นเพื่อนยามเดินทาง

กวีวุฒิ วุฒิวิภู กับโดนัลด์ กิลลิแลนด์ เจ้าของร้าน dasa
       หนังสือบางเล่มเดินทางพร้อมเจ้าของมาจากซีกโลกฝั่งยุโรป จากนั้นถูกนำไปแลกกับหนังสือเล่มอื่นที่อินเดีย ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือนำขึ้นเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาในเป้ของเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์ เพื่อจะแวะพักในร้านหนังสือที่ถนนข้าวสาร แต่นั่นคงไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายของหนังสือเหล่านี้
       
       พนักงานร้าน “Shaman” ร้านหนังสือต่างประเทศมือสองบนถนนข้าวสาร บอกเล่าว่าหนังสือมือสองในร้านย่านถนนข้าวสารนั้นจะมีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหนังสือที่นักท่องเที่ยวนำมา “เทรด” หรือแลกซื้อกับหนังสือเล่มใหม่ เมื่ออ่านเล่มนั้นจบแล้ว หรือบางครั้งก็ขายขาดไปเลย เพราะไม่ต้องการแบกน้ำหนักขึ้นเครื่องบินโดยไม่จำเป็น
       
       “หนังสือที่ฝรั่งนิยมอ่านส่วนมากก็จะเป็นพวกหนังสือนำเที่ยว และหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเช่นเรื่องของฝรั่งที่มาติดคุกในเมืองไทย ส่วนหนังสือที่หนักๆ เล่มใหญ่ๆ จะขายยาก ฝรั่งจะไม่ค่อยชอบ”
       
       ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของหนอนหนังสือต่างชาติเท่านั้น แต่ร้านหนังสือมือสองเหล่านี้ยังเป็นสวรรค์ของหนอนชาวไทย โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่จำเป็นต้องอ่านวรรณกรรมต่างประเทศ เพราะมีหนังสือหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อได้ในราคาถูก ยิ่งเป็นวรรณกรรมคลาสสิคด้วยแล้ว บางเล่มราคาถูกกว่าเบียร์ขวดหนึ่งในผับที่ข้าวสารด้วยซ้ำ
       
       หนังสือเก่าในร้านหรูที่ย่านถนนสุขุมวิท
       
       แม้จะเป็นหนังสือเก่า หรือหนังสือมือสอง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องวางจำหน่ายตามตลาดนัด หรือ อยู่ในร้านหนังสือเก่าเสมอไป ย่านสีลม เอกมัย ทองหล่อ หรือจะกล่าวว่าแถบถนนสุขุมวิทแทบทั้งสาย จึงปรากฏร้านหนังสือภาษาต่างประเทศที่ตกแต่งสวยงาม หรูหรายิ่งกว่าร้านขายหนังสือใหม่ๆ บางแห่งด้วยซ้ำ
       
       นั่นก็เพราะว่าแถบนี้เป็นย่านธุรกิจที่มีนักธุรกิจต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทยอาศัยอยู่จำนวนมาก และแน่นอนว่าชาวต่างชาติเหล่านี้มักจะไม่มีปัญหาการใช้จ่าย ต่างจากนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็คเกอร์ที่ต้องการประหยัดเพื่อท่องโลกให้นานที่สุด ดังนั้นลูกค้าร้านหนังสือเหล่านี้จึงยอมจ่ายในราคาที่มากขึ้นเพื่อแลกกับบรรยากาศดีๆ และความสะดวกสบาย
       
       ร้าน “dasa” ถนนสุขุมวิท ก็เป็นร้านหนังสือต่างประเทศมือสองอีกแห่งหนึ่ง ที่ตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศอบอุ่นสบาย ด้วยมุมนั่งอ่านหนังสือพร้อมมีบริการกาแฟและเบเกอรี่ ให้ลูกค้าดื่มกินเคล้าเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ
       
       โดนัลด์ กิลลิแลนด์ หรือดอน ชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจหนังสือที่อเมริกาและยังมีร้านหนังสือมือสองที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชามาก่อนแล้ว จึงเริ่มต้นกิจการร้านนี้อย่างไม่ยากลำบากนัก แต่ก็มีอุปสรรคในแง่ข้อกฎหมายที่ชาวต่างชาติไม่อาจเป็นเจ้าของร้านหนังสือได้ 100 % ดอนจึงชักชวนกวีวุฒิ วุฒิวิภูเพื่อนสนิทที่รักการอ่านเขียนเป็นทุนอยู่แล้วร่วมหุ้นกันเปิดร้านแห่งนี้

บรรยากาศร้าน dasa
       “มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของผม เพราะจะต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้ข้อบังคับทางกฎหมายต่างๆ ของไทย ทั้งเรื่องภาษี วีซ่า เรื่องการร่วมหุ้นเปิดร้านกับเพื่อนคนไทย ซึ่งสำหรับผมมันค่อนข้างจุกจิก แต่ผมชอบเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองที่หลากหลายมีหลายชนชาติ ลูกค้ากลุ่มหลักๆ ก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่เหมือนเสียมเรียบที่น่าสนใจในแง่การทำธุรกิจร้านหนังสือ แต่ว่ามันเป็นเมืองที่น่าเบื่อ เพราะ 95% ของลูกค้าที่นั่นจะเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ค่อยมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ที่นั่น ลูกค้าที่มาซื้อหนังสือก็จะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ และก็อาจจะไม่ได้พบกันอีก ต่างจากที่นี่ที่จะได้เจอลูกค้าคนเดิมแทบทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทำให้ผมรู้สึกกับลูกค้าว่าเป็นเหมือนเพื่อนบ้านจริงๆ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว” ดอนกล่าว
       
       กวีวุฒิสนับสนุนว่าการที่ร้านเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชุมชนนี้กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบร้านหนังสือต่างประเทศที่มีเครือข่ายใหญ่ๆ เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าในร้านหนังสือเล็กๆ นั้นจะต่างจากร้านใหญ่ๆ ที่เป็นธุรกิจชัดเจนกว่า
       
       สาเหตุที่เลือกเปิดร้านหนังสือต่างประเทศมือสอง เพราะดอนเห็นว่าร้านหนังสือในเมืองไทยยังมีไม่ค่อยเยอะ จะมีก็ตามแหล่งท่องเที่ยวอย่างถนนข้าวสาร ส่วนในย่านนี้ก็มีไม่มากนัก ทั้งสองจึงตัดสินใจเปิดร้านในทำเลบนถนนสุขุมวิทแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าของร้านก็ย่อมแตกต่างจากร้านหนังสือย่านถนนข้าวสาร
       
       กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของร้าน dasa จะเน้นฝรั่งที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ รองลงมาคือนักท่องเที่ยว และกลุ่มคนไทยที่เป็นนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต้องการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่ราคาไม่แพงมาก แต่สภาพหนังสือยังสมบูรณ์ดีอยู่ คือมีราคาประมาณครึ่งหนึ่งของราคาหนังสือใหม่
       
       หนังสือกว่า 10,000 เล่มในร้าน dasa จะมีดีลเลอร์ในกรุงเทพฯ เป็นผู้คอยจัดส่งหนังสือให้ บางทีก็เป็นดีลเลอร์นำเข้าหนังสือจากลาว กัมพูชา หรือแม้กระทั่งดีลเลอร์จากนิวยอร์กก็ยังเคยติดต่อมาที่ร้านว่าสนใจจะใช้บริการหรือไม่
       
       “ดีลเลอร์บางแห่งก็จะสั่งหนังสือเข้ามาทางเรือ นำใส่มาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ผมเคยคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่ข้าวสาร หนังสือในสต็อกของเขานำเข้ามาจากทั้งแคนาดา อเมริกา ออสเตรเลีย ซื้อมาทีละหลายพันเล่ม แต่ที่ร้านคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะ คือมันอาจจะไม่แพงในการขนหนังสือโดยทางเรือจากอเมริกามาเมืองไทย แต่ว่าการจะนำหนังสือออกมาจากท่าเรือคลองเตยมาจัดเก็บไว้ในโกดังสินค้านั้นต้องใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้งยังมีเรื่องของภาษีด้วย แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตถ้าธุรกิจเราขยายตัว เราก็อาจจะนำเข้าเองก็ได้” ดอนกล่าว
       
       ...............
       
       ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเก่าสภาพยับเยินขนาดไหน แต่สาระสำคัญของหนังสือนั้นอยู่ที่เนื้อหาข้างใน ไม่ใช่เพียงแค่หน้าปก ร้านหนังสือมือสองจึงจะยังคงเป็นทางเลือกของหนอนหนังสือกระเป๋าแห้งต่อไป ตราบเท่าที่ประเทศไทยยังไม่ไร้ซึ่งลมหายใจแห่งการอ่าน

 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9470000022350

 BY THE BOOK

The coffee's on and the browsing's comfy at new second-hand store

Story by SRIWIPA SIRIPUNYAWIT/Bangkok Post 2004

 
Mr. Gilliland and Mr. Kaweewut take a break at the Dasa Book Café, which is benefiting from its proximity to the Phrom Phong BTS station.


Shopping for second-hand books doesn't have to be a chore. Imagine a two-storey, well-decorated and air-conditioned store with neatly shelved books and a cosy coffee corner, wide aisles and chairs for comfy browsing.

The owners of Dasa Book Cafe imagined just that when they opened their store in June. Noting that most second-hand bookshops in Bangkok were old and musty, with unorganised shelves and uncomfortably narrow spaces, Donald Gilliland and Kaweewut Wuttiwipoo foresaw a new niche.

And it is a niche market, they admit, in a city where so many consumers seem to spend their leisure on computer games, shopping and watching football. But they believe there is still promising market for book lovers who do not want to pay full price for foreign-language books.

With 1.5 million baht from their savings and a bank loan, Dasa Book Cafe emerged in a prime location on Sukhumvit Road, between Soi 26 and 28. The shop sells and trades second-hand books, predominantly in English but also in French, Spanish, German, Swedish, Norwegian and other languages.

The 8,500 books are well organised in alphabetical order. Chairs and tables for browsers are complemented by a coffee and tea corner with homemade desserts.

''Typically, as a book lover, I know that customers love to have some nice place to sit down and quietly enjoy the books. That's why we have tables and chairs ready with coffee to serve,'' said Mr Gilliland, 45.

He said there were plenty of second-hand bookshops in Bangkok, especially along Khao San and Sukhumvit roads, but none offered the Dasa experience.

Lack of parking might be seen as a drawback by some, though the owners note that most of their foreign customers, who make up 60% of the clientele, lack cars. Besides, the Phrom Phong skytrain station is just a few steps away.

The two owners earlier gained retail management experience with Tower Records in Bangkok, and Mr Gilliland also owns The Lazy Mango, a second-hand bookshop in Siem Reap, Cambodia.

One important thing they have learned is to focus on customer satisfaction through offering good service with good selection of books at fair prices.

''Actually, people can get old books everywhere but we want to make this place like a home where they will keep coming back. They might not buy our books today but can just sit in and enjoy the coffee. And we're sure this will benefit us in the long run,'' said Mr Kaweewut, 30, adding that with a small business the owner can easily create close personal relations with customers.

Another strength is that the store prices the books a little lower than the average at other stores. ''This will definitely narrow our margins but this strategy will help us attract more customers to the store who will in the end become our regulars,'' said Mr Gilliland.

Typically, for pricing, they will look at the popularity and condition of the books. Generally they will charge at half of the original cover prices. Hardcover and difficult-to-find books _ notably art, history and biography _ fetch higher prices than mass-market paperbacks.

''The reason that makes them hard to find is that the owners don't want to sell but keep them,'' said Mr Gilliland, adding that recently The Lord of The Rings has been one of the hardest items to get.

The store initially got stocks from friends and various sources including the popular Chatuchak weekend market, and the owner's store in Cambodia. Now it also buys books from customers and also gives store credit for trade-ins.

Prices are normally determined by the popularity and condition. ''We normally buy the old books at 20% to 30% of the cover prices from the sellers,'' said Mr Kaweewut.

After one month, sales are steady and word-of-mouth is adding regular customers to the base. Some come in just for coffee and tea while some look for hard-to-find books and come back with offerings of their own.

Though the margin on books is modest, the margin on coffee is up to 80% per cup. The owners expect revenue of at least 5,000 baht a day in the first six months and hope to break even in the second year.

Today, the store is also equipped with a quick-search computer database for customers looking for specific books. In near future, it plans to develop online order and delivery services for customers living outside Bangkok, with payment by credit card or money transfer.

Browse these shelves

The Nation
Aug 27, 2004

Dasa Book Cafe, A Swanky Second-Hand Bookshop, Pells An End To Dingy Rooms With Dusty Titles

Before the Internet there were books – a world of information and prose that circulated across continents and travelled through time via the shelves of new and second-hand bookstores.

The owners of Dasa Book Cafe are trying to recapture those days, when browsing was done over stacks of worn books rather than with the push of a button. Like digitally remastered analogue recordings, there is an element that goes missing when text is translated into electronic blips and books are chosen from description rather than a flipping through them.

“You see stories in newspapers every year that book sales are declining as more people play video games and use the Internet,” says Donald Gilliland, who opened the Dasa Book Cafe with Kaweewut Wuttiwipoo (Kiwi) just two months ago. “But people who like books are still going to read books. They’re not going to stop.”

The Dasa Book Cafe, a two-storey shop located near the Phrom Phong BTS station between Sukhumvit sois 26 and 28, stocks nearly 10,000 used books ranging from food to fiction. While the bulk of the books are in English, there are some German and Swedish titles as well. Gilliland collected almost all the tomes himself and continually buys books from customers who frequent Dasa.

Gilliland’s hunt for books might seem obsessive, but “finding books that I haven’t read, or wouldn’t even be interested in reading, makes it kind of a treasure hunt,” he says. “Because I know there are other people who will enjoy these books.”

Bangkok has only a handful of second-hand bookstores, like Shaman on Khao San Road, Elite Books in Phrom Phong and some stalls at the Chatuchak Weekend Market. But what sets Dasa apart is its organisation and ambience.

Dasa is Gilliland’s second used-book store. His first, Lazy Mango, is in Siam Reap, Cambodia. That’s where, two years ago, he began noticing the buying patterns and preferences among his customers, mainly backpackers, and began cultivating a knack for selecting books that others would enjoy reading.

“People always ask for ‘The Damage Done’, about an Australian locked up in a Bangkok jail,” Gilliland says. “There’s this weird fascination about foreigners in Asian jails – and about sex workers like in the book ‘Don’t Forget Your Daughter’.”

Also popular with his Siam Reap clientele are authors like Nick Hornby, Irvine Welsh and Tony Parsons. But in Bangkok, there’s less of that “because we deal with foreign residents and Thais, as well as tourists”, he notes.

So far Dasa’s customer base is about 70 per cent foreigners and 30 per cent Thais. The latter are mostly “college students buying books like Faulkner’s ‘Sound and Fury’, ‘Catcher in the Rye’ or wanting Toni Morrison books”, says Kiwi. Also popular with Thai patrons are mysteries by Agatha Christie, Jill Churchill, and Charlotte Heart.

The misconception that Thais don’t read is beginning to change, says Kiwi, who’s translating Ethan Hawke’s new novel “Ash Wednesday” for a local publisher. “People are starting to know what kind of books Thais want to read.” And second-hand bookstores make those books

more accessible. Foreigners living in Bangkok like biographies, fiction and history, especially Asian and Thai history, Gilliland says. Dasa’s children’s and romance sections also get a lot of traffic.

“Reading has to start at an early age,” Gilliland observes. “It’s difficult for people to pick up a reading habit as an adult.”

Rummaging through stacks of dusty books at Chatuchak Weekend Market, Gilliland recently came across a series of children’s mysteries called “Encyclopaedia Brown”. He bought the entire lot for resale at Dasa.

“This is the first thing I remember reading and being really being excited about,” he says. “The first book I read made me want to seek out and read all the other ones in the series.” Gilliland hadn’t seen the “Encyclopaedia Brown” series for more than 30 years.

Developing the reading habit “takes finding an author or genre you really like, whether it’s fantasy, mystery or whatever. It just snowballs from there,” Gilliland says. “I think most people don’t get exposed to that initially, or they don’t find that real special book that does something to them.”

Helping people find books is what Dasa specialises in. The name Dasa, a Pali word meaning “slave” or “servant”, expresses Gilliland’s and Kiwi’s passion for finding what their customers want. In addition to spending their days arranging books into neatly categorised sections, they offer services that are rare among other second-hand stores. For example, they’re currently uploading a searchable database of all the books they have in stock so that Internet users outside Bangkok can peruse their selection or hunt for out-of-print books.

“As a small retail store we know our customers by name and can provide more personal service than chain stores in big shopping centres,” Gilliland says. “We can specialise in people’s needs and can give them more of a homey atmosphere.”

That’s why there’s a cafe serving coffee and home-made desserts on Dasa’s first floor. “It’s something to let our customers feel at home and set us apart from other bookstores in town,” Kiwi says.

Kiwi, who handles Dasa’s marketing and bookkeeping, had to convince Gilliland that they needed to dedicate more open space for reading and relaxing to make the store more appealing. “If it were up to me, this place would just be a shabby hole with some nails and shelves on the wall,” Gilliland acknowledges.

Kiwi, who used to be in hotel management, knew the importance of appearance, and consulted interior designers and design books to plan the store’s layout. His efforts have proved fruitful: the decor was chic enough for FHM to do a fashion shoot at Dasa for its September issue.

But looks mean little without substance. Gilliland’s and Kiwi’s philosophy is to make Dasa more than a bookstore so people keep coming back. They’re hoping to encourage customers to return by expanding their selection, hosting readings and serving as a meeting centre for local book clubs.

“We’re even thinking about doing something with music because there’s a similar passion for music and books,” says Gilliland, who once

started a highly regarded record shop in his home state of Florida by selling bits of his massive record collection.

For the next few months, Gilliland says he’ll be scrutinising reading preferences in Bangkok “to figure out what our mix of books will ultimately be like”. And with his systematic approach to finding books, Dasa may very well become an analogue alternative to the search engines on the Internet.

By Manond Apanich